เสื้อยืดของเรา เหมาะกับการสกรีนแบบใด?

คำถามนี้อาจจะเกิดขึ้นในใจใครหลายคนที่อยากจะเอาเสื้อยืดสีพื้นสักตัวไปสกรีน แต่ก็เกิดความสงสัยว่า เสื้อของเราจะเหมาะกับการสกรีนแบบไหน หรือสกรีนด้วยวิธีไหนบ้าง วันนี้เราก็มีคำตอบมาบอกกันว่าการสกรีนแต่ละแบบนั้น มีความแตกต่างและตอบโจทย์ความต้องการของผู้สกรีนมากน้อยเพียงใด

การสกรีนเสื้อยืด ในปัจจุบันมีมากมายหลากหลายวิธีที่คุณสามารถสกรีนได้อย่างรวดเร็วหรืออาศัยระยะเวลาที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็แล้วแต่งบประมาณและความเร่งรีบในการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดคือ คุณภาพจากการสกรีนที่เราพึงได้รับหลังการใช้บริการ เราจะได้ลายสกรีนที่ตรงตามความต้องการหรือไม่ โดยพิจารณาจากการสกรีนในแต่ละแบบแล้ว เสื้อเราเหมาะสมที่จะใช้การสกรีนแบบใดมากที่สุด เสื้อมีความคงทนต่อความร้อน, การใช้งานระยะยาวได้อีกมากแค่ไหน นั่นก็เป็นสิ่งที่เราจะต้องคำนึงถึงด้วยเช่นกัน

การสกรีนในท้องตลาด แบ่งออกเป็นหลากหลายรูปแบบโดยมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ดังนั้น เราลองมาดูกันดีกว่าว่า คุณเหมาะกับการนำเสื้อยืดไปสกรีนแบบใด เพื่อเป็นแนวทางและตัวเลือกให้คุณได้รับบริการคุณภาพที่ตรงตามความต้องการมากที่สุด

[gap height=”20px”]

[scroll_to title=”#1″ link=”1″]

[ux_image_box style=”push” img=”265″ image_height=”100%” depth=”1″ depth_hover=”2″ text_align=”left” text_size=”large”]

การสกรีนเสื้อ แบบบล็อกสกรีน

วิธีนี้เป็นวิธีมาตรฐานที่แพร่หลายทั้งในอุตสาหกรรมการผลิตลายสกรีน หรือตามเว็บไซต์ต่างๆ ที่เราสามารถหาได้ง่ายเพียงแค่เปิดกูเกิ้ล แล้วพิมพ์ว่า “ต้องการสกรีนเสื้อ” ซึ่งเป็นวิธีในการสกรีนเสื้อ ที่มาพร้อมราคาย่อมเยามากที่สุด ด้วยวิธีการมาตรฐานที่ใช้กันโดยแพร่หลายในการนำบล็อกมาเป็นปัจจัยหลักในการสกรีน ซึ่งบล็อกเดียวก็สามารถใช้สกรีนได้หลายครั้ง ทำให้เกิดความจำกัดต้นทุน ราคาจึงไม่แพงมากเท่าไหร่ แต่เพื่อให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด ก็ควรที่จะเลือกสกรีนในลักษณะนี้ในครั้งละปริมาณมากๆ เพราะถ้าเลือกที่จะใช้บริการสกรีนเสื้อเพียงแค่ตัวเดียว คุณอาจจะต้องจ่ายในราคาที่ไม่คุ้มค่านัก นอกจากนี้ข้อเสียของการสกรีนแบบบล็อกสกรีนก็คือ ความจำกัดของตัวสีที่อาจจะไม่เยอะมากเท่าการสกรีนประเภทอื่นๆ ไม่สามารถเล่นแสงและเงาได้เท่าที่ต้องการ รวมไปถึงอาจจะใช้เวลานานในการสกรีน เพราะต้องอาศัยแรงคนในการผลิต : เซรั่มปลูกผม

[/ux_image_box]
[gap height=”20px”]

[scroll_to title=”#2″ link=”2″]

[ux_image_box style=”push” img=”266″ image_height=”100%” depth=”1″ depth_hover=”2″ text_align=”left” text_size=”large” text_bg=”rgba(255, 255, 255, 0.8)”]

การสกรีนเสื้อ แบบตัดไวนิล

เพื่อความรวดเร็วสะดวกและทันใจมาขึ้น เทคนิคการตัดแผ่นไวนิลจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ตอบโจทย์ แต่ก็มาพร้อมข้อจำกัดหลายอย่าง เพราะเราไม่สามารถเลือกสกรีนได้ตามใจชอบ เนื่องด้วยการใช้แผ่นไวนิลพิมพ์ลงบนเนื้อผ้านั้น ส่วนใหญ่จะมาในลักษณะของลายสกรีนที่เป็นตัวเลขหรือชื่อคน หรือประโยคที่เป็นคำๆ มากกว่า เช่น เสื้อทีมฟุตบอลที่มีชื่อและเบอร์อยู่ด้านหลัง ซึ่งข้อดีของมันก็คือมีความทนทาน, เสร็จไว แต่ข้อเสียก็คือ เราอาจจะสั่งได้ทีละน้อยๆ และความละเอียดในการสกรีนนั้นอาจจะไม่เท่ากับการสกรีนด้วยบล็อกหรือวิธีอื่นๆ

[/ux_image_box]
[gap height=”15px”]

[scroll_to title=”#3″ link=”3″]

[ux_image_box style=”push” img=”267″ image_height=”100%” depth=”1″ depth_hover=”2″ text_align=”left” text_size=”large” text_bg=”rgba(255, 255, 255, 0.8)”]

การสกรีนลงบนเสื้อโดยตรง

วิธีนี้เป็นวิธีที่ดูมีความละเอียดและปราณีตสูงสุด เพราะเป็นงานเชิงหัตถรรมที่ผู้สกรีนจะต้องทำการลงหมึกบนผ้าโดยตรง โดยใช้เครื่องพิมพ์ ที่สามารถใส่รายละเอียดเยอะๆ ลงไปบนเสื้อได้ นอกจากนี้ยังมีความสะดวกและรวดเร็วในการสกรีน แต่อาจจะต้องพิมพ์ครั้งละน้อยๆ อีกทั้งยังมาพร้อมราคาของตัวหมึกพิมพ์ที่ค่อนข้างสูง ซึ่งทำให้วิธีการนี้ไม่ได้เป็นที่นิยมมากสักเท่าไหร่

[/ux_image_box]
[gap height=”20px”]

[scroll_to title=”#4″ link=”4″]

[ux_image_box style=”push” img=”268″ image_height=”100%” depth=”1″ depth_hover=”2″ text_align=”left” text_size=”large” text_bg=”rgba(255, 255, 255, 0.8)”]

การสกรีนเสื้อ แบบระเหิด

การสกรีนแบบระเหิด มีต้นทุนค่อนข้างสูง แต่มาพร้อมผลลัพธ์ที่แตกต่างและมีความเฉพาะตัวมาก โดยวิธีการทำนั้น เราจะนำแบบที่ต้องการนั้นมาแปะลงบนกระดาษก่อน เพื่อนำเอากระดาษที่ว่านี้ไปวางบนเสื้อโดยใช้ความร้อนมาเป็นตัวผนึกลายเข้ากับเสื้อผ้า อันเป็นที่มาของการเรียกว่า “ระเหิด” เมื่อความร้อนทำให้รูเสื้อขยาย, หมึกที่พิมพ์ลงไปบนกระดาษเกิดความระเหิดจนกลายเป็นของเหลว ทำให้ลายที่อยู่บนกระดาษนั้นก็จะเปลี่ยนไปยึดติดบนเสื้อ วิธีนี้มีข้อดีตรงที่ไม่ว่าเราจะอยากได้ลายบริเวณไหนบนเสื้อ เราก็จะสามารถทำได้ทั้งตัว และมีแบบที่หลากหลายไม่จำกัดเฉพาะส่วน นอกจากนี้ยังมีความคงทนของตัวลายสกรีนยาวนานมากกว่าแบบอื่นๆ ส่วนข้อเสียคือ การพิมพ์ได้เฉพาะบนเนื้อผ้าโพลีเอสเตอร์เท่านั้น ไม่แนะนำให้ทำบนผ้าธรรมชาติ เพราะอาจจะเกิดความเสียหายให้

[/ux_image_box]
[gap height=”20px”]

[scroll_to title=”#5″ link=”5″]

[ux_image_box style=”push” img=”263″ image_height=”100%” depth=”1″ depth_hover=”2″ text_align=”left” text_size=”large” text_bg=”rgba(255, 255, 255, 0.8)”]

การสกรีนเสื้อ แบบกดความร้อน

เป็นวิธีง่ายๆ ที่ไม่ซับซ้อน เพียงแค่เรานำแบบจากกระดาษกดลงไปบนเสื้อและใช้เครื่องอัดความร้อน ทำให้แบบย้ายลงไปติดบนเสื้อ แต่วิธีนี้อาจจะไม่แพร่หลายมากนัก เพราะไม่เหมาะกับสกรีนเสื้อในปริมาณครั้งละมากๆ และคุณภาพที่ได้อาจจะไม่ได้เป๊ะตามแบบที่ต้องการสักเท่าไหร่

[/ux_image_box]
[gap height=”40px”]

ด้วยวิธีทั้งหมดที่เราแนะนำไปนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้สกรีนว่าต้องการให้งานออกมาในลักษณะไหน ทั้งนี้ก็ต้องพิจารณาร้านและผู้รับสกรีนที่มีประสบการณ์ด้วย

[gap height=”40px”]

[title style=”center” text=”บทความอื่นๆ” icon=”icon-angle-down”]

[blog_posts style=”push” type=”masonry” col_spacing=”small” columns__md=”1″ depth=”2″ depth_hover=”3″ cat=”14″ show_date=”false” excerpt_length=”5″ comments=”false” image_height=”100%” image_radius=”100″ image_size=”large” text_size=”small”]